(Review) รีวิวเคสกันกระแทก Rearth Ringke Onyx เคสคุณภาพระดับ Military Grade แต่ราคาประชาชน
จากบทความที่แล้วที่เราได้รีวิวฟิล์มกันรอยของ Samsung พวกตระกูลจอโค้งกันไปแล้ว มาวันนี้เราจะมารีวิวเคสกันกระแทกกันค่ะ ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าราคาขนาดนี้ แต่คุณภาพที่ได้นี่ถึงกับต้องร้องว้าวกันเลยทีเดียวค่ะ นั่นก็คือตัวเคสกันกระแทก Rearth Ringke Onyx ไม่รู้ว่าอ่านว่ายังไงแต่เราเรียกแบรนด์นี้ว่าริงเกอร์ค่ะ การันตีการผลิตจากแดนกิมจิเมดอินโคเรียกันเลยทีเดียว ว่าแล้วก็ไปทำความรู้จักกับเจ้าเคสตัวนี้กันเลยดีกว่าค่ะ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโชคดีหรืออย่างไร เราได้มีโอกาสสบสายตาครั้งแรกกับเจ้า Rearth Ringke Onyx นี้บนแอพ Shopee ค่ะ เลื่อนไปเล่นๆเพราะอยากเปลี่ยนเคสใสที่แถมมาตอนแรก ซึ่งเป็นช่วงที่ทางร้านนั้นจัดโปรโมชั่นพอดี สิ่งแรกที่ทำให้ถูกใจเจ้าตัวนี้คือราคาค่ะ(แหม่....อินี่ก็หวังของถูกตลอดเว) สารภาพเลยว่าตอนแรกไม่ได้รู้จักยี่ห้อนี้เลยค่ะ เลยเอาชื่อยี่ห้อ Ringke ไปเซิร์ชบนกูเกิ้ล เซิร์ชไปเซิร์ชมาศึกษาได้ที่จนมั่นใจในระดับหนึ่งละว่าเป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือ จึงจัดมาเลยค่ะ 1 ชิ้น ระหว่างนั้นก็เฝ้ารออย่างใจจดจ่อ ไม่นานของก็มาถึงค่ะ
เคสตัวนี้ถูกบรรจุมาในซองพลาสติกสีขาว(แต่นี่เอาซองทิ้งไปแล้ว 555) ถึงแม้จะแพคเกจจิ้งจะไม่ได้เป็นกล่องเหมือนยี่ห้ออื่น(แต่เวลาส่งมาทางร้านใส่กล่องไปรษณีย์นะคะอย่าเพิ่งตกใจ) แต่ก็ไม่ได้ทำให้เคสตัวนี้ดูราคาถูกแต่อย่างใด(ทั้งๆที่ราคาจริงนั้นดีงามจับต้องได้) สัมผัสแรกที่ได้รับคือตัวเคสมีความแข็งแรงดีค่ะ คือมันก็สามารถยืดหยุ่นได้งอได้แต่กลับมีสัมผัสของความแข็งแรงอะค่ะ เคสทำมาได้สวยดีค่ะ ด้านหลังมีสลักชื่อยี่ห้อ Ringke ตัวเล็กๆบวกกับลายด้านหลังของเคสนั้นทำให้ดูเรียบหรูดีค่ะ แต่ดีไซน์เราจะไม่พูดถึงมากนักเพราะสิ่งที่ทำให้เราสนใจเคสตัวนี้นั่นก็คือข้อความ MIL-STD 810G-516.6 ที่สลักอยู่ด้านในของตัวเคสค่ะ
MIL-STD 810G-516.6 นั้นคืออะไร???
มันคือมาตรฐานการทดสอบความแข็งแรงระดับ Military Grade โดยจากร้านที่เราซื้อมาเขาลงข้อความไว้ว่าเคสตัวนี้ได้รับการทดสอบโดยกองทหารของสหรัฐ โดยการโยนโทรศัพท์ที่สวมเคสนี้ที่ความสูง 48 นิ้ว (1.2 เมตร) จำนวนมากกว่า 26 ครั้งเชียวค่ะ อีกทั้งมุมของเคสนั้นถูกออกแบบและทดสอบด้วย Air Cushion Technology Corners เพื่อรองรับแรงกระแทกโดยเฉพาะ ส่วนด้านบนและด้านล่างของเคสจะนูนๆขึ้นมาหน่อยๆค่ะ ทำให้เวลาเราวางมือถือในลักษณะคว่ำจอ หน้าจอมือถือเราจะลอย ไม่สัมผัสกับพื้นผิวโดยตรงค่ะ ช่วยลดการสัมผัสพื้นผิวที่เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้หน้าจอเราเป็นรอยขูดขีดได้เยอะค่ะ
ส่วนด้านหลังเราชอบตรงช่องกล้องถ่ายรูปมาก เพราะด้วยความที่เราใช้ Note 9 ซึ่งนอกจากจอโค้งที่ทำให้หงุดหงิดใจแล้ว ปุ่มสแกนลายนิ้วมือที่มันทำมาติดกับกล้องนี่ทำให้คนสวยหงิดมากจริงๆค่ะ(คนสวย?) คือจะใกล้กล้องไปไหนห๊ะ เวลาสแกนแล้วมันชอบไปโดนเลนส์กล้องรู้บ้างมั้ย แต่เคสนี้ช่วยเราได้เยอะค่ะ เพราะตรงช่องกล้องมันจะมีช่องสำหรับสแกนนิ้วมือโดยตัวเคสจะทำช่องและทำให้พื้นผิวตรงช่องสแกนนิ้วให้มีความ Slope ค่ะ ทำให้เวลาเราสไลด์นิ้วไปตามเคส พอเจอพื้นที่ Slope แล้วก็ขยับนิ้วอีกนิดนึงก็จะเจอตัวสแกนนิ้วค่ะ ลดปัญหานิ้วมือโดนเลนส์กล้องไปได้เยอะค่ะ
ส่วนด้านหลังเราชอบตรงช่องกล้องถ่ายรูปมาก เพราะด้วยความที่เราใช้ Note 9 ซึ่งนอกจากจอโค้งที่ทำให้หงุดหงิดใจแล้ว ปุ่มสแกนลายนิ้วมือที่มันทำมาติดกับกล้องนี่ทำให้คนสวยหงิดมากจริงๆค่ะ(คนสวย?) คือจะใกล้กล้องไปไหนห๊ะ เวลาสแกนแล้วมันชอบไปโดนเลนส์กล้องรู้บ้างมั้ย แต่เคสนี้ช่วยเราได้เยอะค่ะ เพราะตรงช่องกล้องมันจะมีช่องสำหรับสแกนนิ้วมือโดยตัวเคสจะทำช่องและทำให้พื้นผิวตรงช่องสแกนนิ้วให้มีความ Slope ค่ะ ทำให้เวลาเราสไลด์นิ้วไปตามเคส พอเจอพื้นที่ Slope แล้วก็ขยับนิ้วอีกนิดนึงก็จะเจอตัวสแกนนิ้วค่ะ ลดปัญหานิ้วมือโดนเลนส์กล้องไปได้เยอะค่ะ
โอ้โห มันดูอลังการมากๆเลยใช่มั้ยละคะ คุณภาพระดับนี้ในราคาเพียง 289 บาท(จากราคาเต็ม 430 บาท) แต่ในข้อดีก็ยังแอบมีปัญหา(สำหรับเรา)นิดนึงค่ะ นั่นก็คือพอใส่เคสแล้วตัวเครื่องหนักกว่าเดิมมากกกก แต่ทั้งนี้เราว่าที่มันหนักเพราะมันจะได้ป้องกันเครื่องเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพวกปุ่มกดสำหรับเราน่าจะทำแบบทึบไปเลยไม่น่าทำให้มีช่อง เพราะฝุ่นชอบเข้าไปค่ะ
แต่อีกจุดด้อยของเคสนี้สำหรับเราคือมันลื่นค่ะ....คือไม่ได้ลื่นมาก แต่เวลาเราจับมือถือเวลาใส่เคสมันเหมือนจะหลุดมืออยู่บ่อยๆ และด้วยความที่เราเป็นผู้หญิง มือเราค่อนข้างเล็ก แต่เคสค่อนข้างใหญ่ เวลาจับเลยไม่ค่อยกระชับมือค่ะ แต่ถึงอย่างงั้นเราว่าทางผู้ผลิตก็ค่อนข้างใส่ใจนะคะ เพราะนางทำช่องไว้สำหรับใส่สายคล้องด้วยค่ะ เราเลยแก้ปัญหาด้วยการหาสายคล้องมือมาใส่ซะเลย(สายนี่ไม่ได้ซือแต่อย่างใด แต่แถมมากับกระเป๋าใส่เครื่องเกมค่ะ เลยเอามาใช้ซะเลย)
แต่อีกจุดด้อยของเคสนี้สำหรับเราคือมันลื่นค่ะ....คือไม่ได้ลื่นมาก แต่เวลาเราจับมือถือเวลาใส่เคสมันเหมือนจะหลุดมืออยู่บ่อยๆ และด้วยความที่เราเป็นผู้หญิง มือเราค่อนข้างเล็ก แต่เคสค่อนข้างใหญ่ เวลาจับเลยไม่ค่อยกระชับมือค่ะ แต่ถึงอย่างงั้นเราว่าทางผู้ผลิตก็ค่อนข้างใส่ใจนะคะ เพราะนางทำช่องไว้สำหรับใส่สายคล้องด้วยค่ะ เราเลยแก้ปัญหาด้วยการหาสายคล้องมือมาใส่ซะเลย(สายนี่ไม่ได้ซือแต่อย่างใด แต่แถมมากับกระเป๋าใส่เครื่องเกมค่ะ เลยเอามาใช้ซะเลย)
ถึงแม้เราจะเจอปัญหา แต่ส่วนตัวเราก็ยังถือว่าคุ้มมากๆค่ะ ตัวนี้จัดโปรลดราคาบ่อยค่ะ อยากให้ลองไปส่องติดตามกันดูใน Shopee สำหรับเราซื้อกับทางร้าน se_update ค่ะ นี่แนะนำเองไม่ได้เป็นหน้าม้าแต่อย่างใด ไม่ได้ค่าโฆษณา แต่ร้านบริการน่ารักดีค่ะเลยอยากบอกต่อ ตอนของมาส่งมีของแถมให้ด้วย(เราได้เป็นหลอดไฟusbค่ะ) ตอบแชทน่ารักค่ะ เคสไหนดันฟิล์มร้านก็บอกตามความจริง หรือถ้าใครใจร้อน หรือไม่เจอตอนช่วงโปรลดราคาซักที ตัวรุ่น Ringke Fusion X ก็น่าใช้ค่ะ ด้านหลังเป็นแบบใสทำให้สามารถโชว์สีเครื่องได้ด้วย คุณภาพคล้ายกันในราคา 3xx บาทเท่านั้น มีขายในร้านเดียวกันเช่นกันค่ะ
คือสำหรับเรา ถ้าจะให้ใช้ระดับ UAG เลยก็ไม่ไหวจริงๆค่ะ ราคามันค่อนข้างแพง ตัวนี้เลยค่อนข้างตอบโจทย์เราค่ะ ส่วนตัวเวลาเราใช้มือถือจะชอบไปกระแทกที่มุมเครื่องบ่อยๆ(ถือแล้วแกว่งแขนไปกระแทกโต๊ะบ้างอะไรบ้าง) จากที่ใส่เคสนี้มาประมาณ2เดือน(ได้เคสนี้มาก่อนที่ฟิล์มกระจกจะหลุดอีกค่ะ) พบว่ามือถือเรายังปลอดภัยจากความซุ่มซ่ามของเราดีค่ะ 555555
ปล.สำหรับแบรนด์ Ringke นี้มีเคสรองรับมือถือหลายรุ่นหลายยี่ห้ออยู่ค่ะ ใครใช้รุ่นไหนก็สามารถค้นหาตามรุ่นกันได้เลย
ปล.2 เนื่องจากเคสผ่านการใช้งานแล้วอาจจะมีฝุ่นจับบ้างนะคะ 5555
อ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ที่นี่เลยจ้า
มีแอพอื่นๆที่น่าสนใจอีกเยอะเลยน๊าา กดตรงนี้สิจ๊ะ
ปล.2 เนื่องจากเคสผ่านการใช้งานแล้วอาจจะมีฝุ่นจับบ้างนะคะ 5555
อ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ที่นี่เลยจ้า
มีแอพอื่นๆที่น่าสนใจอีกเยอะเลยน๊าา กดตรงนี้สิจ๊ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น